ในสังคมปัจจุบันที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสายอาชีพ หรือกิจกรรมต่าง ๆ ทำให้มาตรฐานของสิ่งต่าง ๆ สูงไปด้วย และเพราะสาเหตุนี้ เลยส่งผลให้ ลูก ๆ หลายบ้าน ต้องทั้งเรียนดี กิจกรรมเด่น หลายครั้งที่ได้พูดคุยกันคุณพ่อคุณแม่หลายท่าน ทำให้ได้รู้ว่าเด็กยุคนี้เรียนหนักไม่ใช่เล่นนะคะ แถมยังต้องมีเรียนพิเศษ นอกจากนี้ยังต้องมีเรียนเสริมความสามารถด้านอื่น ๆ อีกด้วย เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีเวลาหยุดพักกันเลยทีเดียว เพราะบางครั้งคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่รู้ว่าลูก ๆ เราจะถนัดด้านไหน เลยให้ลองไปหลาย ๆ อย่าง กลายเป็นว่าสุดท้ายแล้ว เรียนทุกอย่าง แต่ได้มาอย่างละไม่เต็มที่ ไปไม่สุดสักทาง ดังนั้นแทนที่คุณพ่อคุณแม่จะให้ลูก ๆ ลองผิดลองถูกไปหลาย ๆ อย่าง ลองกลับมาโฟกัสกันดีไหมคะ? ว่าลูก ๆ ควรไปทางไหนดี

การจะโฟกัสเป้าหมายเพื่อที่จะกำหนดทิศทางให้ลูก ๆ นั้น ควรเริ่มจากรู้แนวโน้มของสิ่งที่เขาสนใจก่อน ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถนำศักยภาพที่โดดเด่นจากตารางศักยภาพในรายงานผลของลูก ๆ มาใช้ในการแนะแนวทางได้ เพราะเมื่อไรที่เขานำสิ่งที่เขาสนใจมาเรียนรู้ ทำต่อยอด เขาจะเกิดความสุขในการทำสิ่งนั้น อยากที่จะไปเรียน หรือทำซ้ำ แล้วจะเกิดเป็นความกระตือรือร้นอยากที่จะทำให้สำเร็จ คุณพ่อคุณแม่แทบจะไม่ต้องเคี่ยวเข็ญ หรือผลักดันอะไรที่มากมายเลย เขามีความสุข ไม่กดดัน คุณพ่อคุณแม่ก็สบายใจ ความจริงนั้น คนเราไม่จำเป็นต้องเก่งทุก ๆ อย่าง ทำได้ทุก ๆ เรื่องเหมือนใคร ๆ เพียงแค่เรารู้ว่าเราจะทำอะไร จดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น แล้วทำอย่างเต็มที่ ก็จะทำให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนั้น ๆ ได้ในที่สุด สามารถนำสิ่งนั้นไปใช้ประโยชน์ หรือต่อยอดต่อไปอีกได้ ซึ่งจะดีกว่าการที่ทำได้ทุกเรื่อง แต่ไม่ลึกซึ้ง บางคนไม่สามารถนำความสามารถนั้นไปโชว์ หรือต่อยอดอะไรได้ แบบนี้ก็จะไม่เกิดผลดีต่อลูก ๆ ดังนั้นการโฟกัสจึงเป็นสิ่งสำคัญ

นอกจากนี้ เมื่อเลือกเป้าหมายที่อยากจะให้ลูก ๆ เรียนรู้ได้แล้ว การตกลงกันเรื่องขอบเขตในการเรียนรู้ หรือการทำเป้าหมายนั้นให้ชัดเจนก็เป็นอีกเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญ เช่น อยากเรียนเปียโน และลูกก็ทำได้ดี แต่ก็ควรจะตกลงกับลูก ๆ ด้วยว่าเมื่อเรียนแล้วควรจะต้องถึงระดับไหนเป็นอย่างต่ำ เพื่อเป็นการกำหนดมาตรฐานในการเรียนสิ่งนั้นให้เขาด้วย สิ่งนี้จะช่วยให้การเรียนนั้นมีคุณภาพมากขึ้น เพราะนอกจากลูก ๆ จะรู้ถึงทิศทางที่แน่ชัดแล้ว ยังมองเป็นขอบเขตของเป้าหมายที่ชัดเจนอีกด้วย อย่าลืมนะคะว่าเด็กแต่ละคนก็มีพรสวรรค์ที่แตกต่างกัน มีความสามารถเฉพาะตัว หรือมีความสนใจที่แตกต่างกัน การวิเคราะห์ศักยภาพและบุคลิกภาพผ่านลายผิววิทยาสามารถบอกได้ถึงศักยภาพและบุคลิกภาพที่ติดตัวมาแต่กำเนิดได้ ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่ค้นพบสิ่งที่ลูกรัก สิ่งที่ลูกสนใจ สิ่งที่ลูกทำแล้วไม่เคยรู้สึกเบื่อ ได้เร็วเพียงใด พวกเขาก็จะมีความสุขที่ได้ทำสิ่งเหล่านั้นเร็วมากขึ้นเท่านั้น อยากให้ลูก ๆ เก่ง ก็ต้องให้เขามีความสุขกับสิ่งที่ทำด้วยนะคะ

โดยพี่ตุ๊ก พัชรี นิลประทีป นักวิเคราะห์ศักยภาพ P-PAC

#สนใจสแกนลายผิว #สแกนลายผิว#PPAC #บทความ

อ่านบทความอื่นๆ Click link